วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

พรหมลูกฟัก-อสัญญีพรหม

เกิดจากการเจริญสติกำหนดรับรู้(และเป็นได้ทั้งลืมตาเจริญสติ) การฝึกเจริญสติวิปัสสนาเป็นการ กำหนดรู้ สิ่งที่ถูกรู้ที่มากระทบใดอายตนะหนึ่ง(สิ่งที่ถูกรู้) และตัวรับรู้คือ "ใจ"มโนวิญญาณธาตุ(ตัวรู้-ธาตุรู้ที่ใจ) จะรู้สิ่งที่ถูกรู้
*หากรู้แล้วไม่(ดับ) หรือ ไม่(ปล่อย) ตัวรู้นั้นเป็นวาระๆ เป็นปัจจุบันขณะแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อทำมากๆ.. เมื่อทำมากๆ จิตจะเบื่อหน่ายกับสภาพรู้จากการกำหนดรู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนไม่อยากรับรู้อีก กำหนดรู้จนจิตหมดกำลัง เกิดเป็นสภาพดับไปในที่สุด ลักษณะของสภาพที่ดับไปนี้ สัญญาเวทนาจะดับหมด ความรู้ตัวทั่วพร้อมหมดไปจะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นอะไร อยู่ในช่วงเวลาไหนยุคไหน ช่วงเวลาและเหตุการณ์ก่อนที่จะดับ และหลังดับจะไม่ต่อเนื่องกัน อยู่ๆ ก็ดับหายไปไหนก็ไม่รู้ ดับไปอย่างไรก็ไม่รู้ พอดับเต็มที่แล้ว ธาตุรู้ทำงาน สัญญาเวทนาทำงาน ก็เกิดโผล่ขึ้นมาจากไหนก็ไม่รู้อีก
ช่วงเวลาที่ดับไปนั้นเราก็ไม่รู้ว่าดับไปนานเท่าไร เป็นสภาพที่ไม่มีความจำ ไม่มีความรู้สึก เราก็เลยจำสภาพดับไม่ได้ จะจำได้ก็เพียงว่า มันดับมืด และเรียบลื่นไปหมด ไม่มีสัญญาณคลื่นพลังใดเลย ในสภาพที่ดับนั้น

สภาพที่ดับนี้ก็มีการเข้าใจกันว่า คือ การบรรลุธรรม แท้จริงเป็นสภาพที่จิตต้องการพักผ่อนจากการที่ไม่อยากรับอารมณ์ภายนอก หลบเข้าไปในภาวะจิตที่ลึกที่สุด จัดเป็นลักษณะการเข้าฌานอย่างหนึ่ง คือ ไม่รับอารมณ์ภายนอก หลบหนีจากสภาพปัจจุบัน
โดยใช้การดับข่มไว้ สภาพดับนี้เป็นการดับ

เลย บางคนคิดผิดไปว่าเป็น "นิโรธ" หรือ "นิโรธสมาบัติ" ซึ่งจริงๆแล้วการเจริญสติจะต่างจากการเข้าณานสมาบัติมาก การเจริญสติคือการอยู่กับปัจจุบันขณะ ส่วนฌานสมาธิ(นิโรธสมาบัติหรือสัญญาเวยิตนิโรธ)นั้นจะเข้าไปตั้งแต่ณานที่1 ถึงณานที่4 แล้วเลยไป อรูปณาน 1 ถึงอรูปณาน4 (เมื่อมีวสีชำนาญบางท่านก็ใช้การอธิษฐานเมื่ออยู่จุด ณ.จุดรูปฌาน4)แล้วไปเข้าจุดดับ(สัญญาและเวทนา) คือสัญญาวิยิตนิโรธ หรือนิโรธสมาบัติ แล้วขึ้นเสวยผล แห่งภูมิธรรมของตน อนาคามีหรืออรหัตผล ณ. จุดนิพพานธาตุ


เรื่องราวนี้เคยมีมาแล้วครับสหายธรรมทุกท่าน ก่อนหน้าพุทธกาล สมัยพุทธกาลและอาจจะยังมีอยู่
เมื่อเข้าใจผิด สภาวะที่ดับจิตดับคือการบรรลุธรรม และได้อารมณ์นั้นมาตลอด โดยไม่รู้ตัว เมื่อสิ้นชีพละสังขาร บุคคลนั้นจะไปเกิด เป็นอรูปพรหม-อสัญญีพรหม(พรหมลูกฟัก) เมื่อหมดแรงฌาน(สัญญาเวทนาเกิด)ก็จะต้องกลับมาเกิดใหม่ แต่ถ้าหากมี หรือพาลูกศิษย์หลงไปด้วย กรรม(ดำ)ที่พาคนเหล่าไปหลงนั้นก็จะมีเพิ่มขึ้น และติดมาเมื่อเกิดใหม่เป็นอะไรก็ไม่รู้(แล้วแต่ว่าสัญญาเวทนาเกิดอย่างไรก็ เป็นอย่างนั้น) สำหรับกรณีนี้จะเป็นของ นักบวช นักพรต ฤษี ชีไพร ก่อนที่จะมีพุทธศาสนา
แต่ถ้าอยู่ในเขตบวรพระพุทธศาสนาของพระพุทธองค์สมณโคดมด้วยแล้วนั้น กรรม(ดำ) ที่บุคคลผู้นันจะได้รับ นั้นจะรุนแรงมาก เมื่อเกิดมาใหม่อย่างไม่สามารถประมาณได้ เพราะสอนผิดทาง ตัวเองหลงไปแล้ว ยังเอาคนอื่นไปหลงตามด้วย ไม่ตรงกับที่พระพุทธองค์ได้บัญญัติไว้


วิธีแก้ไขเบื้องต้น เจริญสติอยู่กับปัจจุบันขณะ เกิด-ดับ,ถูก-รู้-ปล่อย(รู้) เท่ากับเวลาโลก คือ 1 วินาที ...ไม่ทำ(มีเจตน์จำนงค์)ให้การรับรู้นั้นช้าลง หรือเร็วขึ้น ....


-------------------------->>>>

ขอบคุณที่มา : http://larndham.org/index.php?showtopic=13292

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น